Manhattan at Bangkok Boulevard ว่ากันว่าจุดเริ่มต้นของคนที่ตัดสินใจขยับขยาย เปลี่ยนที่อยู่ใหม่ ก็คือ การเปลี่ยนสถานที่ทำงานใหม่ และการมีครอบครัวขนาดใหญ่ขึ้น… . ซึ่งจุดเริ่มต้นของบ้านหลังนี้ก็เช่นเดียวกัน นั่นก็คือ การย้ายบ้าน และตกแต่งบ้านใหม่ เพื่อรองรับครอบครัวที่มีขนาดใหญ่ขึ้น .
“สีเขียว ที่ให้ความรู้สึกสงบ มีชีวิตชีวา กับรายละเอียดในการออกแบบที่ดูคลาสสิค หรูหรา แต่ยังมีความโมเดิร์น และรู้สึกว่าอยู่ได้จริง” . คือสาเหตุที่สไตล์ Manhattan คือสไตล์ที่ถูกเลือกมาตกแต่งบ้านหลังนี้… .
วันนี้ Paperroom จะมารีวิวบ้านหลังนี้ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน
โดยจะเล่าเกี่ยวกับแนวคิด และรายละเอียดต่างๆ ในการออกแบบของห้องแต่ละห้อง
.
ใครที่สนใจ เลื่อนลงไปอ่านได้เลยครับ 🙂
ทางเข้าบ้านหลังนี้ สามารถเข้าได้ 2 ทาง จากรูปเป็นการเข้ามาทางประตูหน้าบ้าน . เมื่อเปิดเข้ามาจะเจอกับโซฟาสีครีมอมเทานิดๆ เข้ากันดีกับตู้วางทีวีโทนสีเทา และยังเพิ่มจุดเด่นให้กับบริเวณนี้ด้วยโต๊ะ Coffee Table ลายไม้สีเข้ม ขาสีทอง . ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้ เชื่อมต่อกับพื้นที่ทำงานของคุณพ่อ ให้คุณพ่อสามารถทำงานไป นั่งมอง นั่งเล่นกับลูกได้ในเวลาเดียวกัน
ทางเข้าบ้านหลังนี้ สามารถเข้าได้ 2 ทาง จากรูปเป็นการเข้ามาทางประตูหน้าบ้าน . เมื่อเปิดเข้ามาจะเจอกับโซฟาสีครีมอมเทานิดๆ เข้ากันดีกับตู้วางทีวีโทนสีเทา และยังเพิ่มจุดเด่นให้กับบริเวณนี้ด้วยโต๊ะ Coffee Table ลายไม้สีเข้ม ขาสีทอง . ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้ เชื่อมต่อกับพื้นที่ทำงานของคุณพ่อ ให้คุณพ่อสามารถทำงานไป นั่งมอง นั่งเล่นกับลูกได้ในเวลาเดียวกัน
มุมนั่งเล่นมุมนี้สามารถรองรับได้ 3-4 คน โดยเราเลือกใช้โซฟาสีครีมอมเทานิดๆ เพื่อให้โดดเด้งออกมาจากผนังสีเขียว และผ้าม่านโทนสีเทา . นอกจากนี้เรายังได้ซ่อนไฟบริเวณรางม่าน เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศสบายๆ เวลานอนดูซีรีย์ในตอนดึก และทำให้บริเวณนี้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
มุมทำงานของคุณพ่อ เราเลือกใช้โต๊ะทำงานลายหินอ่อนสีน้ำตาล ขาสีดำ เข้ากันได้ดีกับตู้เก็บเอกสารด้านหลัง . ซึ่งทั้งโต๊ะ และตู้ เรายังเพิ่มสีทองเข้าไป เพื่อให้บริเวณนี้ยังมีความเคร่งขรึม แต่ยังแอบหรูหรานิดๆ เหมาะกับเป็นมุมทำงานของคุณพ่อเป็นอย่างมาก . และยังมีเก้าอี้อาร์มแชร์สำหรับนั่งเล่นพักผ่อน และเล่นกับลูกในช่วงเวลาที่พักจากการทำงานอีกต่างหาก
มุมทำงานนี้ ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าเราเลือกมือจับตู้เป็นสีทอง และของตกแต่งเลือกใช้โทนสีดำ, ทอง และขาว
มุมนี้คือมุมที่มองมาจากโต๊ะทำงาน . เป็นมุมที่คุณพ่อสามารถนั่งมองคุณแม่ และคุณลูกนั่งเล่น นอนดูหนัง ช่วยเติมเต็มให้บ้านหลังนี้ ดูอบอุ่น และมีความสุขมากยิ่งขึ้น
บริเวณตู้ทีวี ตู้เก็บของด้านบนเลือกใช้สีเทาอ่อน เพื่อไม่ให้บริเวณนี้ดูทึบ หรืออึดอัดจนเกินไป . นอกจากตู้เก็บของด้านบนแล้ว เรายังเพิ่มความน่าสนใจด้วยรายละเอียดของตู้เก็บของสีเทาเข้มด้านล่าง ที่มีบานเปิดเป็นระแนงเซาะร่อง . บานระแนงเซาะร่องจะช่วยเติมเต็มให้ผนังฝั่งนี้ดูมีสไตล์ แต่ไม่เยอะจนไปแข่งกับผนังสีเขียวฝั่งตรงข้ามจนเกินไป
กลับมาที่เคาน์เตอร์ Pantry สำหรับชงกาแฟในยามเช้า . เลือกใช้สีเทาเข้มเดียวกันกับตู้เก็บของใต้ทีวี และยังเลือกใช้มือจับสีทองเดียวกันกับตู้เก็บของหลังโต๊ะทำงาน เพื่อทำให้ รู้สึกว่าพื้นที่บริเวณนี้มีการเชื่อมต่อกับพื้นที่ทำงาน และพื้นที่นั่งเล่น . นอกจากนี้เรายังออกแบบให้บริเวณนี้ดูพิเศษมากยิ่งขึ้นด้วย ผนังระแนงสีเขียว ผนังนี้นอกจากจะช่วยให้พื้นที่ส่วนนี้ดูโดดเด่นขึ้นแล้ว ผนังสีเขียวยังช่วยให้โต๊ะกินข้าวหินอ่อนดูโดดเด้งขึ้นในเวลาเดียวกัน
การแบ่งพื้นที่นั่งทำงาน และพื้นที่กินข้าวด้วยฉากกั้นอลูมิเนียมสีดำ . ช่วยให้บ้านหลังนี้ยังดูมีความโมเดิร์น สมัยใหม่ ตัดกับความคลาสสิคของผนังคิ้วบัว กลายเป็นสไตล์ Modern Classic อย่างลงตัว
จุดเด่นของห้องนอนของบ้านหลังนี้คือ เพดานที่สูงมาก . เราจึงเลือกที่ออกแบบผนังหัวเตียงสีเขียว มีคิ้วบัวสูงเต็มผนัง และทำเป็น 2 ชั้น เพื่อทำให้ผนังนี้ดูโดดเด่น และกลายเป็นจุดเด่นที่สุดของห้องนี้
สำหรับใครที่ต้องการหาหมอน และผ้าปูที่เข้ากันกับสไตล์ Manhattan . เราแนะนำให้เลือกหมอน และผ้าปูเป็นโทนสีขาว, เทา, ดำ และครีม จะเข้ากันกับสไตล์นี้มากที่สุด
ตู้เสื้อผ้าโซน Walk-in . บานเลื่อนทึบทำสีพ่นสีเทา เราต้องการให้ดูโมเดิร์น เรียบๆ แต่เพิ่มรายละเอียดต่างๆ อย่างคิ้ว และมือจับสีทองเข้าไปให้ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น
มุมโต๊ะเครื่องแป้ง ถูกออกแบบให้รับกับแสงธรรมชาติมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ . เพื่อให้หน้าของเราสวยงาม ไม่ผิดเพี้ยน และตู้เก็บกระเป๋า และเครื่องประดับต่างๆ ของคุณแม่ คือสิ่งที่ห้อง Walk-in Closet มันต้องมี
ถ้าดูไกลๆ จะรู้สึกว่ามุมโต๊ะเครื่องแป้งเป็นสีเทาธรรมดาๆ . แต่ถ้ามีดูใกล้ๆ เราได้เพิ่มรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างมือจับสีทอง และขอบกระจกเงาสีทองเข้าไป เพื่อให้ห้องแต่งตัวนี้ยังคงดูหรูหราอยู่
ห้องสุดท้ายที่ Paperroom ได้มีโอกาสเข้าไปแต่งให้กับบ้านหลังนี้ คือ Showroom เครื่องประดับขนาดย่อม . ซึ่งทางเจ้าของบ้านต้องการให้ห้องนี้เป็นห้องสำหรับ รับรองลูกค้าที่มา เลือกชมสินค้า และเครื่องประดับต่างๆ . ความพิเศษของห้องนี้คือ ตู้เก็บของสีขาว ด้านหลังโต๊ะทำงาน ที่เป็นทั้งตู้เก็บของ ผนังสำหรับติด Logo แบรนด์ และตู้โชว์เครื่องประดับ ที่มีการซ่อนไฟรอบๆ เพื่อช่วยให้สินค้า ดูหรูหรามากยิ่งขึ้น . นอกจากนี้โต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่กลางห้อง เราได้ทำการออกแบบใหม่ โดยออกแบบให้มีช่องสำหรับโชว์เครื่องประดับของทางแบรนด์ และทำให้ดูหรูหรามากขึ้นด้วยหินอ่อนสีน้ำตาล . ทำให้ห้องนี้กลายเป็นห้องที่ดูหรูหรา แต่ยังมีความเรียบง่ายในแบบโมเดิร์น ด้วยโทนสีขาว และสีเทาอ่อนๆ
จบแล้วสำหรับการรีวิวบ้านที่ถูกตกแต่งด้วยสไตล์ Manhattan . หวังว่าเพื่อนๆ ทุกคนจะชอบรายละเอียดต่างๆ ของบ้านหลังนี้กันนะครับ .